วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

V ちゃう / V じゃう ... หมด เสร็จ เสียแล้ว

วันนี้เรามารู้จักรูปย่ออีกตัวกันดีกว่า คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักชอบใช้รูปนี้ในการพูดเสมอๆ
V てしまいます --> Vてしまう --> Vちゃう
V teshimaimasu --> V teshimau --> Vcyau
Vてしまいました --> Vてしまった --> Vちゃった
V teshimaimashita --> V teshimatta --> V cyatta
Vんでしまいます --> Vんでしまう --> Vんじゃう
V ndeshimaimasu --> V ndeshimau --> V jyau
Vんでしまいました --> Vんでしまった --> Vんじゃった
V ndeshimaimashita --> V ndeshimatta --> V jyatta
สำนวนนี้ จะใช้ในกรณีที่กริยานั้นเสร็จไปแล้ว โดยแฝงความรู้สึกว่าเสียดาย เสียใจ เช่น...
A:もう洗濯した?
mou sentaku shita?
ซักผ้าแล้วหรือยัง?
B:ごめん、忘れちゃった。
gomen, wasurecyatta.
ขอโทษนะ ลืมไปเลย
ねこが死んじゃった。
neko ga shinjyatta.
แมวตายเสียแล้ว
ทีนี้ เวลาเราได้ยินคนญี่ปุ่นพูดรูปย่อตัวนี้ จะได้เข้าใจว่า หมายความว่ายังไงกันซะทีนะจ๊ะ แล้วเอาไว้จะหามาเล่าให้ฟังอีกเรื่อยๆ ....

Read more!

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2552

เรื่องเล่า เมื่อครั้งไป Yokohama_4

Episode 4 : ผจญภัยวันแรก..ใน Yokohama


รูปถ่าย Yokohama Landmark

กลับมานั่งเม้าท์ประจำที่แล้วจ้า.. หลังจากหายไปหลายวัน เพราะว่ามัวแต่ไปหลงอยู่แถวซีรีย์ญี่ปุ่น กว่าจะหาทางกลับออกมาได้ ก็ลำบากอยู่.. แต่ว่า ..ไว้จะกลับเข้าไปไหมอ่ะ อิอิอิ

ต่อจากคราวก่อน ในที่สุดเราก็ได้เหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นแล้ว จากนี้ไปแหละ 7 วัน มหัศจรรย์ของเรา ( เรียกซะเว่อร์เชียว... ) เรื่องเริ่มที่....
เราเจอกับคนญี่ปุ่นที่มารับ 3 คน ที่ Y-CAT หลังจากเล่นซ่อนหากันอยู่พักนึงอ่ะ คนญี่ปุ่นพอเจอเราปั๊บก็ท่าทางดีใจมากไม่แพ้เรา เจอหน้าปั๊ป... ก็ทักเราทันทีว่า



「お久しぶりですね、お元気ですか?」
ohisashiburi desune , ogenki desuka?

ซึ่งก็หมายถึงว่า “โอ้..ไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ สบายดีหรือเปล่า” ( หัวหน้าที่ไปรับเราเป็นหัวหน้าที่เคยอยู่ที่ไทย
ส่วนอีกคนเป็นหัวหน้าปัจจุบันที่ไปอบรมเพิ่มที่ญี่ปุ่น ส่วนอีกคนก็เคยมาประชุมกับเราที่ไทย )

อ้อ..ลืมบอกไปว่าตอนที่เราไปถึง Y-CAT ก็ประมาณทุ่มนึงที่ญี่ปุ่นแล้วหละ ( เครื่องบินออกจากไทยประมาณ 10 โมงเช้า ใช้เวลาบิน 6 ชม. ถึงสนามบินนาริตะประมาณ 4 โมงเวลาไทย คิดเป็นเวลาญี่ปุ่น ก็บวกไป 2 ชม. เป็น 6 โมงเย็น นั่งรถบัสไป Y-CAT ประมาณ 1 ชม. )

หัวหน้าเราก็พาเอากระเป๋าไปฝากที่ Y-CAT นั่นแหละ เสียตังค์ด้วยอ่ะ แต่ไม่รู้เท่าไร เพราะไม่ได้จ่าย ... แล้วก็พาไปที่ Yokahama Landmark จะเป็นเหมือนว่าเป็นสัญลักษณ์ของ Yokohama จะเป็นตึกสูงๆ ขึ้นไปชั้นบนสุด ด้วยลิพท์ที่เร็วโคตรๆๆ ( ช่างต่างกับลิฟท์ที่ทำงานเสียนี่กระไร ) แค่กระพริบตาก็ถึงแล้วอ่ะ ข้างบนก็จะมีของที่ระลึกขาย มีให้ดูวิวของเมือง Yokohama สวยมากๆ ( ให้ความรู้สึกคล้ายกับ ขึนไปบน Tokyo Tower นั่นแหละ ) หลังจากถ่ายรูปเสร็จสรรพ ก็พาไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ตึกนั้นแหละ มีร้านอาหาร ร้านขายของเยอะไปหมด เหมือนประมาณเป็นห้างบ้านเรานั่นแหละ .. วันนั้นก็กินซะเพียบ ซูซิ , ปลาดิบ จากปกติที่เราไม่กินปลาดิบ เพราะเคยกินครั้งนึงที่ไทย แต่ว่ามันไม่ไหว กลิ่นคาวมากๆ แต่พอไปถึงที่โน้น ก็ไหนๆ ลองกินดู ...โอ้โห..มันช่างต่างกันเสียนี่กระไร .. มันไม่คาว แล้วก็เนี้อมันก็หวานด้วยนะ ..สรุปว่า ..อร่อย  うまい!!umai!! ที่สำคัญ.. ฟรีหมดเลย +++

หลังจากอิ่มหน่ำสำราญแล้ว ก็กลับไปเอากระเป๋าที่ Y-CAT หัวหน้าเราก็ไปส่งที่โรงแรม Central plaza ( ไม่ใช่แถวเซ็นทรัล ลาดพร้าวนะจ๊ะ ) ลงรถไฟที่สถานี Tsurumi แล้วก็เดินไปอีกไม่ไกล ระหว่างทางก็มีร้านปาจิงโกะ ร้านอาหาร ร้านหนังสือ ร้านขายของ แล้วก็ร้าน 100 เยน ( ทุกอย่างในร้านราคา 100 เยน ) ส่วนค่าที่พักก็ตกเป็นเงินไทยประมาณ คืนละ 1500 บาท ห้องพักก็เล็กนะ แต่มีห้องน้ำ กระติกน้ำร้อน ตู้เย็น ทีวีสี 14 นิ้ว มีไดร์เป่าผม มีเตียง หมอน วิทยุหัวเตียง ก็เรียกว่า ครบสำหรับดำรงชีวิตอยู่ได้อ่ะ ห้องที่เราพักก็เป็นห้องริมสุด มองผ่านหน้าต่างไป ก็จะเห็นถนนแล้วหละ หลังจากหัวหน้าเราช่วยดูความเรียบร้อยของห้อง แล้วก็ให้ขนมเรา กับใบชา เผื่อไว้กินตอนหิวได้ ( น่ารักจัง ..หัวหน้าเราเนียะ ) ก็กลับกัน ส่วนเราก็เก็บข้าวของส่วนตัว อาบน้ำ เปิดทีวี( พยายามจะดูให้รู้เรื่อง .. แต่ก็รู้เรื่องได้ประมาณ 50 % แค่นั้นแหละ เรียกว่า เปิดเพื่อให้มีเสียงเป็นเพื่อนอ่ะ)
แล้วเราก็เข้านอน เพราะพรุ่งนี้หัวหน้าจะมารับไปทำงานตอน 8 โมงครึ่ง เข้าทำงานตอน 9 โมง ก็กะว่าตื่น 7 โมง อาบน้ำ ลงไปกินอาหารของโรงแรม ( ราคาที่พัก รวมค่าอาหารเช้าแล้ว .. เป็นขนมปังกับกาแฟ ) ก็น่าจะทันเวลา ... ว่าแล้วก็นอนดีกว่า ... คืนแรก ขอเปิดไฟหรี่ๆ นอนแล้วกัน มันอุ่นใจดีอ่ะ.... お休みなさい!Oyasuminasai !

Read more!

วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2552

Meichan no shitsuji (คนรับใช้ของเมอิจัง) ซีรีย์สนุกน่าดูอีกเรื่อง..

วันนี้มีซีรีย์สนุุกๆ มาแนะนำ... "Meichan no shitsuji" 「メイちゃんの執事」
執事 แปลว่า คนรับใช้ แปลชื่อเรื่องตามตัว ก็คือ "คนรับใช้ของเมอิจัง" นั่นเอง

เรื่องนี้ก็ทำมาจากการ์ตูน ตอนนี้กำลังฉายอยู่ที่ช่อง Fuji ทุกวันอังคาร 3 ทุ่ม
ที่อยากจะแนะนำ เพราะว่าดูแล้ว เหมือนได้ดูการ์ตูน บรรยากาศคล้ายกับเรื่อง Hana kimi และที่สำคัญก็คือ พระเอกน่ารักอ่ะ
พล็อตเรื่องมีอยู่ว่่า ...

Mei-chan นักเรียนมัธยมอยู่กับครอบครัวอย่างอบอุ่น แม้ว่าจะไม่รวย แต่ทุกวันก็มีความสุข จนกระทั่ง พ่อแม่ของ Mei-chan เกิดเสียชีวิตในอุบัติเหตุ ทำให้ Mei-chan เหลือตัวคนเดียว แต่..อยู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งมาหา และแนะนำตัวว่า เป็น คนรับใช้ของ Mei-chan ซึ่งก็คือ Shibata Rihito คนรับใช้ระดับ S ที่ถูกปู่ของ Mei-chan ส่งมาให้มารับ เพราะความจริงแล้วพ่อของ Mei-chan เป็นลูกชายมหาเศรษฐี แต่กลับทิ้งทุกอย่าง เพื่อมาอยู่กินกับคนธรรมดา เปิดร้านขายอุด้งเล็ก มีครอบครัวอย่างคนธรรมดา แทนที่จะรับช่วงต่อกิจการที่ตระกูล ทำให้ถูกตัดออกจากกองมรดก.. แล้วนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของ Mei-chan เมื่อ Mei-chan ต้องย้ายมาเข้าโรงเรียนคุณหนู ซึ่งมีแต่เพื่อนแปลกๆ และโรงเรียนนี้ คุณหนูทุกคนจะต้องมีคนรับใช้ส่วนตัว อยู่ด้วยตลอดเวลา (ต้องเป็นคนรับใช้ผู้ชายด้วยนะ ) Mei-chan ต้องผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมาย โดยตลอดเวลาจะมี Shibata Rihito อยู่เคียงข้างเสมอ แล้วจะเป็นยังไง เมื่อ คุณหนูอย่าง Mei-chan ต้องมาใกล้ชิดกับคนรับใช้หนุ่ม ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความเอาใจใส่ และยังเป็นคนรับใช้ ที่คูณหนูต่างๆ ต้องการ แต่ Rihito ไม่เคยยอมรับใช้คนอื่น นอกจาก Mei-chan

ตามให้กำลังใจ.. ความสัมพันธ์ระหว่าง Mei-chan คุณหนูแก่นแก้ว กับ Rihito คนรับใช้หนุ่มแสนเพอร์เพค ว่าจะลงเอยยังไง...
「そんな執事がほしいね!!」

Read more!

"ต้อง" ในภาษาญี่ปุ่น ใช้ยังไงน๊า...

เคยสงสัยไหมว่า ถ้าจะพูดว่า "ต้อง" ในภาษาญี่ปุ่นจะใช้ยังไงดีน๊า..
เราเคยจะแต่งประโยคว่า "ต้องกลับภายใน 9 โมง" แต่ว่าคิดไม่ออก ไม่รู้ว่าต้องใช้สำนวนไหนดีอ่ะ...
เราคิดได้แค่  「9時までに帰ります。」 kuji madeni kaerimasu.
แปลตามตัว แปลว่า "จะกลับภายใน 9 โมง"

และแล้ว..เราก็ไปอ่านเจอในหนังสือเกี่ยวกับสำนวนตัวนี้จนได้ ... ซึ่งก็คือ
Vなければなりません  
V nakerebanarimasen
ถ้างั้นเราก็ต้องพูดว่า
「9時までに帰らなければなりません。」
kuji madeni kaeranakerebanarimasen
แต่ว่า เวลาคนญี่ปุ่นพูด ไม่ค่อยจะได้ยินคำนี้เท่าไร เพราะว่า สำนวนนี้ยาวมาก
แค่คำว่า "ต้อง" เนียะนะ ... ยาวจัง
ดังนั้น ภาษาพูด คนญี่ปุ่นจะพูดสั้นๆ แค่ว่า..
Vなければなりません  --> Vなきゃ 
V nakerebanarimasen  --> Vnakya

สำนวนในภาษาญี่ปุ่น จะมีเยอะมาก ซึ่งคนญี่ปุ่นเองก็จะมีรูปย่อ เพื่อให้เป็นภาษาพูดอยู่เยอะเหมือนกัน ซึ่งถ้าไม่ชินกับภาษาพูดพวกนี้ ก็คงยากที่จะฟังคนญี่ปุ่น หรือ ซีรีย์ ให้เข้าใจ .. เพราะฉะนั้น เราคงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้พวกสำนวน รวมทั้งรูปย่อของมันด้วย
สำนวนและรูปย่อยังมีอีกเยอะ ไว้จะทยอยมาเล่าให้ฟังอีกนะ

Read more!

วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552

Akai Ito ( ด้ายแดง ) ซีรีย์ญี่ปุ่นรักโรแมนติก..

วันนี้มีซีรีย์ดีมาแนะนำ ... "Akai Ito" แปลตามตัว ก็ "ด้ายแดง" ซีรีย์เรื่องนี้ สร้างมาจากนิยายมือถือที่ดังมากๆ ตอนนี้กำลังฉายอยู่ที่ญี่ปุ่น ช่อง Fuji ทุกวันเสาร์
เรื่องนี้ มีพล็อตเรื่องน่าติดตามดี นักแสดงก็น่ารักได้ใจจริงๆ พระเอกของเราก็ Mizobata Junpei ส่วนนางเอกก็ Minamisawa Nao น่ารักทั้งคู่

"ด้ายแดง" มาจากความเชื่อของจีน ที่เชื่อว่า คนที่เป็นเนื้อคู่กัน จะมีด้ายแดงที่มองไม่เห็นผูกติดกันอยู่ ไม่ว่าจะห่างกันยังไง สุดท้ายก็ต้องได้พบกันอยู่ดี

ในเรื่องนี้ จะพูดถึง Atsushi เด็กหนุ่มมัธยมต้นที่มีแม่ติดยาเสพติด เลยต้องไปอยู่ในความดูแลของเพื่อนแม่ ซึ่งเป็นนักบวชอยู่ที่ศาลเจ้า ส่วน Mei เด็กสาวรุ่นเดียวกัน แอบรักเพื่อนวัยเด็กมาตลอด แต่ว่าเขากลับรักพี่สาวของ Mei

Atsushi กับ Mei เคยเจอกันมาก่อน แต่ทั้งคู่จำกันไม่ได้ โดยทั้งคู่ได้เจอกันในวันครบรอบวันเกิด 29 กุมภา ของทั้งคู่ และวันนั้น Atsushi ก็ตกหลุมรักแรกพบกับ Mei
เมื่อโชคชะตา ทำให้เขาทั้งคู่ได้มาพบกัน ใกล้ชิดกัน จนเกิดเป็นความรัก แต่ยังมีอุปสรรคอีกมากที่ทั้งคู่ต้องเจอ... มาตามเอาใจช่วยทั้งคู่กันดีกว่านะจ๊ะ

「運命って信じる?」 ummei tte shijiru? เชื่อในพรหมลิขิตไหม?


Read more!

ใช้สำนวนให้ถูกที่ถูกเวลา..

มีใครรู้สึกเหมือนเราไหม...ว่า คนญี่ปุ่นเนียะ ชอบมีสำนวนอะไรไว้สำหรับพูดเยอะแยะไปหมด จำไม่หวาดไม่ไหวอ่ะ เช่น いってまいります、いっていらっしゃい、ただいま、おかえりなさい、いただきます、ごちそうさま、おつかれさまでした แล้วก็อีกหลายๆ สำนวน
ตอนแรกเราก็จำไม่ได้หรอก แล้วก็ไม่รู้จะจำยังไงดี แต่พอทำไปทำมาก็เริ่มจะจับทางได้บ้าง
  • いってまいります ( ittemairimasu ) แปลว่า ไปแล้วจะกลับมา สำนวนนี้จะใช้บอกกับคนในบ้านว่า เราจะออกไปข้างนอกแล้วนะ
  • いっていらっしゃい ( itteirasshai ) แปลว่า ให้ไปแล้วกลับมานะ สำนวนนี้ใช้ตอบรับสำนวน いってまいります
  • ただいま ( tadaima ) แปลว่า เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ สำนวนนี้จะใช้เมื่อกลับถึงบ้าน
  • おかえりなさい ( okaerinasai ) แปลว่า ต้อนรับกลับบ้าน สำนวนนี้ใช้ตอบรับสำนวน ただいま
  • いただきます ( itadakimasu ) แปลว่า ได้รับ สำนวนนี้จะใช้เมื่อก่อนทานอาหาร โดยคนญี่ปุ่นมีแนวคิดว่า เป็นการกล่าวเพื่อเป็นการขอบคุณที่มีอาหารรับประทาน
  • ごちそうさま ( gochisousama ) สำนวนนี้จะใช้เมื่อทานอาหารอิ่มแล้ว
  • おつかれさまでした ( otsukaresamadeshita ) สำนวนนี้จะใช้เมื่อพูดกับคนที่ทำงานเสร็จ ยกตัวอย่างเช่น พนักงานบริษัทก่อนกลับบ้าน มักจะพูดสำนวนนี้ ซึ่ง ถ้าแปลตามตัว คำว่า つかれる แปลว่า เหนื่อย เหมือนเป็นการขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อยในการทำงาน
  • どういたしまして ( douitashimashite ) แปลว่า ไม่เป็นไร
  • じゃまた ( jyamata ) สำนวนนี้ ใช้ตอนจะแยกจากกัน แปลว่า แล้วไว้เจอกันอีก
  • お久しぶり ( ohisashiburi ) แปลว่า ไม่เจอกันนาน
  • お元気で ( ogenkide ) สำนวนนี้ใช้ในความหมายว่า ขอให้แข็งแรง รักษาสุขภาพนะ
  • おねがいします ( onegaishimasu ) สำนวนนี้ใช้ในความหมายในการขอร้อง
  • 気をつけて ( ki o tsukete ) สำนวนนี้ใช้ในความหมาย ให้ระวังตัวด้วย
  • がんばってください ( gambattekudasai ) แปลว่า พยายามเข้านะ

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของสำนวนที่คนญี่ปุ่นจะใช้กันในชีวิตประจำวัน ยังไงก็คงต้องค่อยๆ เรียน ค่อยๆ จำไปเรื่อย.. ยังมีอะไรสนุกๆ อีกเยอะนะ (^ ^ )

สำหรับเราแล้ว เราก็ไม่ได้ท่องจำซะทีเดียว แต่ว่าจะใช้สังเกตรากศัพท์ เพราะส่วนใหญ่มันจะมีความหมายแฝงอยู่ บางคำก็เป็นคำยกย่อง คำถ่อมตัว แล้วอีกอย่าง ก็คือ ดูซีรีย์ญี่ปุ่น เพราะเราจะได้ยินบ่อยๆ ในซีรีย์ ทำให้ซึมซับเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว

ยังไงก็ลองมาเรียนภาษาญี่ปุ่นกันเถอะ.... がんばってね!


Read more!